ประวัติของ Graffiti
สำหรับความเป็นมาของ กราฟฟิตี้ (Graffiti) และ สตรีทอาร์ต (Street Art) มีต้นกำเนิดมาจากวัฒนธรรมตะวันตก คือ เพลงฮิพฮอพ (Hip Hop) การสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา ทำให้คนรุ่นใหม่ในสังคมเกิดความสนใจ และกลายเป็นความนิยมในเวลาอันรวดเร็ว จากนั้น เราก็ได้รับเอาวัฒนธรรมอันเกี่ยวเนื่องกับเพลงฮิพฮอพเข้ามาด้วยหลายอย่าง เช่น ลายเสื้อผ้า การเต้น รวมถึงศิลปะที่เรียกว่า Graffiti โดยคำคำนี้มาจากคำว่า “Graffio” ในภาษาอิตาเลียน ที่หมายถึง “a scratch” หรือ “การขีดเขียน” ในภาษาไทย
ประวัติของ Graffiti
Graffiti เริ่มต้นขึ้นในเมืองฟิลาเดลเฟียในช่วงทศวรรษที่ 60 ก่อนจะแพร่เข้ามายังนิวยอร์กในทศวรรษต่อมา สาเหตุการเกิดของรอยขูดขีดเขียน (Graffiti) ในยุคสมัยที่การเหยียดสีผิวเป็นไปอย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ในปี ค.ศ. 1954 ที่ผู้ปกครองนักเรียนผิวสีรวมตัวเรียกร้องขอความเป็นธรรม กรณีที่คณะกรรมการโรงเรียนแห่งรัฐแคนซัสปฏิเสธที่จะรับเด้กผิวสีเข้าศึกษา และในปีถัดมา สตรีผิวสีนาม โรซา พาร์กส ที่เธอถูกตัดสินมีความผิดฐานละเมิดกฎหมายที่จะสละที่นั่งของเธอให้บุรุษผิวขาวตามที่กฎหมายของรัฐกำหนด เป็นที่มาของการเคลื่อนไหวให้เกิดการปฏิรูปกฎหมายว่าด้วยสิทธิพลเมือง จนกระทั่งเกิดกฎหมายนี้ขึ้นในปี ค.ศ. 1964 แต่ว่าคนผิวสีก็ยังตกอยู่ในสภาพคนชายขอบของสังคม ได้เป็นแรงผลักดันให้พวกเขาสร้างสรรค์งานศิลปะ ทั้งเพลงบลูส์ แจ๊ซ และเร้กเก้ และอีกด้านหนึ่งของคนผิวสีที่ต้องเผชิญ พวกเขาได้แสดงออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ดิบหยาบ ประกาศให้เห็นถึงความ ขบถ ดังเช่น ดนตรีแร็ปที่เต็มไปด้วยคำด่าทอสังคมอย่างไม่เกรงกลัว รอยขูดขีดเขียน (Graffiti) ถือกำเนิดมาในยุคสมัยนี้
(การพ่นกำแพงโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นมีความผิด ปรับไม่เกิน 5000 บาท)
ตามพ.ร.บ. รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535